รถยนต์ไฟฟ้า 100% ทนต่อน้ำท่วมแค่ไหนกัน?

ช่วงฝนฟ้าเทกระหน่ำน้ำท่วมแบบนี้ต้องมีใครสงสัยบ้างแหละว่ารถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือ BEVนั้น สามารถรับมือกับถนนเมืองไทยที่เรียกว่าน้ำท่วมสูงได้แทบจะทุกปีหรือสภาพอากาศที่แปรปรวนได้แค่ไหน?

มาเริ่มที่น้ำท่วมแบบไทยๆกันก่อน

เราชาวไทยอาจจะคุ้นชินกันดีอยู่แล้วว่าน้ำท่วมนั้นเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกและหลีกเลี่ยงไม่ได้มาอย่างยาวนานและไม่รู้ว่าจะแก้ได้มั้ยด้วยซ้ำ ซึ่งสร้างความปวดหัวให้กับชาวไทยเราอย่างมากอย่างที่เห็นว่ารถยนต์เครื่องสันดาปหรือเครื่องยนต์ใช้น้ำมันนั้นดับอยู่กลางถนนจนชินตาแต่กับรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่เป็นน้องใหม่ล่ะ?จะอยู่รอดจากสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างเมืองไทยอย่างไร?

รถยนต์ไฟฟ้านั้นจะวางแบตเตอรี่ไว้ใต้ท้องรถแต่มั่นใจได้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นนั้นสามารถขับเคลื่อนได้อย่างปลอดภัยแน่นอนเพราะในทุกรุ่นนั้นมีการปิดใต้ท้องรถอย่างดีเพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าไปที่ใต้ตัวรถต่างจากรถยนต์สันดาปหลายๆรุ่นที่มักจะไม่มีการปิดใต้เครื่องทำให้เครื่องยนต์ดับอยู่ให้เห็นกันบ่อยๆ

รถยนต์ไฟฟ้าทุกคันนั้นจะมีมาตรฐานที่เรียกว่า IPRating หรือ Ingress Protection อยู่ซึ่งเป็นค่ามารตฐานในการป้องกันของเหลวและของแข็งเล็ดลอดทั้งเข้าและออกจากตัวถังรถโดยทั่วไปจะเริ่มต้นที่ IP 67การรันตีได้ว่าจะสามารถป้องกันความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วมได้ไม่เกิน 1เมตร ในเวลาไม่เกินราวๆ 30 นาที

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการป้องกันน้ำเข้าตามมาตรฐาน IPRating นั้นก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบเนื่องจากมีข้อจำกัดหลักๆอย่างเช่น ความดัน ความลึกของระดับน้ำและระยะเวลาที่สามารถทนได้ แต่ก็ถือว่าแข็งแรงกว่ารถยนต์น้ำมันมากๆและมีโอกาสที่น้ำจะเข้าค่อนข้างต่ำมากฉะนั้นถ้าหากเราขับผ่านระดับน้ำที่ค่อนข้างสูงเป็นเวลาพอสมควรอาจจะต้องพิจารณาเข้าศูนย์เพื่อเช็คกันสักหน่อย

ฉะนั้นแม้จะทนน้ำมากๆแต่ผู้ใช้ก็ควรศึกษาคู่มือรถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองให้ดีว่ามีมาตรฐานกันน้ำที่เท่าใด เพื่อความมั่นใจในการขับขี่ทุกครั้ง

แล้วการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าขณะฝนตกล่ะ?

จริงๆแล้วในปัจจุบันนั้นสถานีชาร์จทั่วไปมักจะอยู่ในร่มทั้งสิ้นและถูกออกแบบตามมารตฐานสากลให้กับผู้ใช้ทุกคนมีระบบป้องกันที่ครอบคลุมมากพอที่จะระบายน้ำได้อยู่แล้วอย่างแน่นอนถึงแม้น้ำจะขังที่เต้ารับก็มั่นใจได้ว่าจะไม่มีน้ำไปขับอยู่ที่ตัวชาร์จประจุรวมไปถึงระบบการตัดไฟฉุกเฉิน ระบบกันไฟรั่วและสายดิน และที่ตัวรถยนต์ไฟฟ้าเองก็มีซีลกันน้ำกันฝุ่นและรวมไปถึงเซ็นเซอร์ตัดไฟฟ้าเมื่อกระแสไฟรั่วไหลอีกด้วย

ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้ใช้สามารถตรวจสอบความพร้อมทั้งตัวรถและสถานีชาร์จได้ว่าอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่แต่ถ้าหากว่าท่านมีผู้ให้บริการติดตั้งสถานีชาร์จก็สามารถติดต่อทำการตรวจเช็คซ่อมบำรุงได้เนื่องจากระบบไฟฟ้าอาจจะมีความซับซ้อนเกินไปสำหรับผู้ใช้บางกลุ่ม

สรุปก็คือ ไม่ว่าจะขับลุยน้ำหรือชาร์จไฟฟ้าตอนฝนตกหรือแม้แต่ชาร์จไฟฟ้ากลางฝนก้ไม่มีอันตรายแต่อย่างใดแต่อย่าลืมอ่านดูคู่มือรถยนต์ไฟฟ้าของเรานะครับ ว่ามีมาตรฐานใดบ้างรวมไปถึงสถานีชาร์จของเราด้วยเมื่อพบความผิดปกติควรติดต่อผู้ให้บริการติดตั้งทันทีโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางไม่ใช่ช่างไฟฟ้าทั่วไปครับ

Published on:
March 30, 2022
Category:
EV

Related

ประเทศไทยจะเป็นผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตได้หรือไม่?

ภูมิภาคอาเซียนถือเป็นตลาดใหม่ที่สำคัญและน่าตื่นเต้นสำหรับยานยนต์ไฟฟ้ามีการแข่งขันกันสูงมากในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคนี้ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมากเนื่องจากในภูมิภาคอาเซียนมีข้อดีคือเป็นศูนย์การผลิตที่มีต้นทุนไม่สูงแต่ยังคงคุณภาพแม้แต่รัฐบาลในประเทศอาเซียนก็ให้ความสนใจการนำเข้ารถ EVรวมถึงประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่ซื้อรถEV จากจีนมากที่สุดในอาเซียนตามด้วยอินโดนีเซียและมาเลเซีย ทำให้ไทยรั้งอันดับ 3 ในตลาดส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าของจีน