ในอนาคตที่รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ที่กำลังเข้ามาทดแทนรถยนต์ปกติเรารับรู้กันว่ารถยนต์ไฟฟ้านั้นเป็นอนาคตของการขนส่งยุคต่อไปของโลกนี้แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีบางสิ่งที่มักจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้ากันอยู่มีอะไรบ้าง? ไปดูกันเลย
1.รถ EV มีผลเสียมากกว่ามีผลดีต่อสิ่งแวดล้อม
ครั้งหนึ่งผู้บริหารใหญ่ของ Toyota ได้ออกมาบอกว่าการใช้รถยนต์ไฟฟ้านั้นเป็นการใช้น้ำมันทางอ้อมอย่างเช่นการใช้น้ำมันหรือถ่านหินมาผลิตกระแสไฟฟ้าที่มากขึ้น หรือการผลิตรถยนต์ EV ที่ต้องใช้ชิ้นส่วนจากแร่ธาตุต่างๆอย่าง ลิเทียมนิกเกิล หรือโคบอลต์ ที่ต้องใช้แรงงานเหมือง
อันที่จริงแล้วแร่ธาตุที่สำคัญอันดับหนึ่งในการผลิตรถ EV ก็คือลิเทียมนั่นแหละ แต่ที่ต่างออกไปก็คือตัวเหมืองที่สำคัญที่สุดในการทำลิเทียมไม่ได้อยู่บนแผ่นดินแต่อยู่ในทะเลสาบน้ำเค็ม แร่ลิเทียมที่คุ้มค่าต้นทุนในการผลิตกว่า 87% จะมีต้นทางมาจากส่วนที่อยู่ในทะเลสาบน้ำเค็ม ส่วนอีกราวๆ 13% นั้นจะมาจากการทำเหมืองหินแบบปกติ
การเก็บเกี่ยวลิเทียมที่อยู่ในน้ำเกลือเหล่านี้ซึ่งแทบไม่มีความเกี่ยวข้องกับการใช้งานเด็กและการทำงานในพื้นที่เสี่ยงอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น
ต่อมาคือ โคบอลต์ แร่โคบอลต์นั้นอยู่ในคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือที่เราใช้กันทุกวันนี้เช่นกันอุตสาหกรรมรถยนต์ EV พยายามเลี่ยงการใช้โคบอลต์กันหลายค่ายมากขึ้นเพราะจำนวนที่จำกัดและราคาที่แพงปัจจุบันหลายบริษัทเริ่มหันมาจริงจังกับการปรับปรุงให้มีการใช้โคบอลต์ให้น้อยลงหรือไม่ใช้เลย
2.รถ EV มีความเสี่ยงติดไฟสูงกว่ารถยนต์
จริงอยู่ว่าลิเทียมแบตเตอรี่มีโอกาสติดไฟได้เหมือนเชื้อเพลิงทั่วไป แต่ทุกอย่างก็ติดไฟได้หมดแหละจริงไหม?แบตเตอรี่มีข้อดีคือ ก่อนจะติดไฟจริง มันจะใช้เวลาค่อนข้างนานทำให้คนขับและผู้โดยสารมีโอกาสที่จะหนีออกจากรถก่อนที่ไฟจะโหมขึ้นมาแรง ๆต่างกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันหรือแก๊สธรรมชาติที่เมื่อติดไฟแล้วจะลามได้ไวและโอกาสหนีออกจากรถโดยไม่โดนไฟไหม้เลยแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยซึ่งไม่ได้มีความปลอดภัยไปมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าเลย
ถ้าเมื่อเทียบกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปทั่วไปที่ในอเมริกามีการบันทึกตัวเลขไว้ระหว่างปี 2014-2016 รถยนต์เกิดไฟไหม้กว่า 171,500 คัน ซึ่งมีจำนวนรถยนต์ทั้งหมดในประเทศที่ 269ล้านคัน คิดเป็นตัวเลขออกมาจะได้รถยนต์ที่เกิดไฟไหม้ 1 ต่อ 1,569 คัน เทียบกับ รถ EV แล้วกรณีเกิดไฟไหม้ของรถยนต์ทั่วไปมีโอกาสเกิดได้มากกว่าเกือบ30 เท่าตัวเลยทีเดียว
3.แบตเตอรี่รถ EV ใช้ได้แค่ไม่กี่ปีก็เสื่อม
คนทั่วไปมักจะมีความคิดฝังหัวว่าแบตเตอรี่ทั้งหลายจะมีอายุการใช้งานที่สั้นรถ EV ก็เช่นกัน แต่ความจริงแล้วแบตเตอรี่ที่ใช้ในรถ EV เสื่อมช้ากว่าที่เราคิดมากโดยจากรายงานที่ออกมาจากผู้ใช้งานรถ Tesla เมื่อผ่านการใช้งานไปมากกว่า257,500 กิโลเมตร ตัวแบตเตอรี่ของรถเพิ่งจะเสื่อมสภาพไปแค่ 10% เท่านั้นเอง ซึ่งน้อยมาก ๆ เนื่องจากตัวแบตเตอรี่ของรถ EV มีการชาร์จประจุที่แตกต่างกับแบตเตอรี่ในโทรศัพท์มือถือ โดยตัวรถ EVจะมีการชาร์จประจุให้เฉพาะตัวเซลล์แบตเตอรี่ที่หมดประจุเท่านั้นแถมตัวเซลล์แบตเตอรี่ก็ยังมีก้อนย่อยอีกเป็นหลายพันก้อนก่อนจะเอามามัดรวมกันเป็นแบตเตอรี่ใน1 คัน
หลายบริษัทมีการสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคเพิ่มด้วยการให้ระยะเวลาประกันแบตเตอรี่มากกว่า8 ปี หรือถ้าใช้รถมากก็ประกันให้ที่ระยะทาง 160,000กิโลเมตร สำหรับแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพลงต่ำกว่า 70%(ถ้าชาร์จประจุเข้าเต็มที่ได้น้อยกว่า 70%ผู้ผลิตจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้ฟรี) เรียกว่าผู้ผลิตนั้นจะต้องมั่นใจมากที่จะกล้ารับประกันเป็นเวลาที่ยาวนานขนาดนี้
4.รถ EV มีราคาแพง
ณ ปัจจุบันนั้นอาจจะยังค่อนข้างจริงในเมืองไทยแต่ในประเทศอื่นๆก็คงจะไม่ใช่แล้ว
ตัวรถ EVอาจจะมีราคาสูงกว่ารถยนต์ทั่วไปสาเหตุหลักเนื่องจากลิเทียมแบตเตอรี่ที่อยู่ในรถก็คิดเป็นต้นทุนมากกว่า 30% ของต้นทุนรวมทั้งหมดแล้วเมื่อหักตัวแบตเตอรี่ออกไปราคาตัวชิ้นส่วนที่เหลืออยู่ในรถ EV จะมีมูลค่าเหลืออยู่ 58.5% เมื่อรถ EV มีอายุการใช้งานไปแล้ว 3 ปี หากเทียบกับค่าเฉลี่ยรถยนต์ทั่วไปที่อุปกรณ์ที่เหลือจะคงมูลค่าได้เพียง41.2% ที่อายุการใช้งานเท่ากัน
แต่นั่นคือการคำนวณราคาในมิติของการรีเซลล์ รถ EV ในปัจจุบันกำลังมีราคาถูกลงอย่างมากCathie Wood เคยกล่าวไว้ว่า เมื่อสินค้าที่ผลิตออกมาเยอะ ๆจะทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยถูกลงอย่างมาก ซึ่งทำให้ในอนาคตรถ EV จะมีต้นทุนผลิตที่ใกล้เคียงกับรถยนต์แบบดั้งเดิมค่อนข้างแน่นอน
อันที่จริงแล้ว การจะให้ตัวรถ EV คุ้มค่าเมื่อเทียบกับรถยนต์ปกติอาจจะต้องนำค่าบำรุงรักษาและค่าซ่อมชิ้นส่วนหนัก ๆ มาเป็นตัวแปรในการคำนวณด้วยในปัจจุบัน เพราะว่ารถ EVแทบไม่ต้องมีการบำรุงรักษาตามระยะในเรื่องของของเหลว เช่นน้ำมันเครื่อง น้ำมันหล่อลื่นเลย หรือชิ้นส่วนเคลื่อนไหวต่าง ๆ ที่มีน้อยลง เช่นเกียร์ คลัช ซึ่งถ้าเสียทีก็ค่าใช้จ่ายจุกจิก (ที่ราคาไม่จุกจิกซะด้วย)
ปัจจุบัน ณ ปลายปี 2022 ก็มีแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์สันดาปที่หันมาทำรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาแข่งขันกันอย่างดุเดือดรวมไปถึง Tesla ก็ก่อตั้งสาขาเพื่อเข้ามาขายรถยนต์ไฟฟ้าด้วยตัวเองแล้วเริ่มมีการทยอยออกโปรโมชั่นราคาของรถยนต์ไฟฟ้าออกมาแข่งขันกันมากขึ้น และรัฐบาลก็เริ่มที่จะออกมาตรการในการลดหย่อนภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่มากขึ้นแล้วด้วยอีกแค่ไม่นานเกินรอรถยนต์เราคงได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งกันเต็มถนนเมืองไทยกันอย่างแน่นอนครับ
สนใจหรือติดตั้งสถานีขาร์จรถยนต์ไฟฟ้า: www.eigen.energy/th-th